เจาะลึกทุกเรื่องของ Base Notes กลุ่มกลิ่นที่ทำให้กลิ่นหอมยาวนาน

เจาะลึกทุกเรื่องของ Base Notes กลุ่มกลิ่นที่ทำให้กลิ่นหอมยาวนาน

Base Notes ในน้ำหอม: หรือกลุ่มกลิ่นที่ทำให้น้ำหอมมีกลิ่นหอมยาวนานและเป็นเอกลักษณ์มากที่สุด

เมื่อพูดถึงน้ำหอม ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือกลุ่ม "Base Notes" หรือ "กลิ่นสุดท้าย" ซึ่งเป็นกลุ่มกลิ่นที่เป็นพื้นฐานและมีความเข้มข้นที่สุด กลิ่น Base Note จะออกมาหลังจากผ่านไปสัก 1-2 ชม. โดยให้กลิ่นหอมที่ยาวนาน และทำให้น้ำหอมมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำซาก โดยวิธีเทสกลิ่นจากขวดน้ำหอมคือการสเปรย์ลงบนกระดาษหรือผิว แล้วทิ้งไว้สักพักใหญ่ๆแล้วจึงกลับมาดมอีกครั้ง จากตัวผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์ทดสอบน้ำหอมกลิ่น Opheon ของ Dyptique ก็รู้สึกไม่ชอบแต่่เมื่อดมตอนกลับบ้าน กลับเป็นกลิ่นที่สลับไปเป็นอีกกลิ่นเลย ทำให้ต้องวนกลับไปซื้อใหม่ และเราจะเล่าให้ฟัง นี่คือบทความที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจและค้นพบเกี่ยวกับ Base Notes ในน้ำหอมได้อย่างละเอียด

 

What gives dark chocolate its captivating scent? • Earth.com

 

1.ธรรมชาติของ Base Notes

Base Notes เป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุดของน้ำหอม มีความเสถียรและคงที่ที่สุด สารที่ประกอบไปด้วย Base Notes มักมีโครงสร้างที่ทนทานและอยู่ติดผิวยาวนาน ทำให้กลิ่นหอมมีความติดทนและดึงดูดให้ทุกคนต้องตกหลุมรักที่สุด เพราะมันคือกลิ่นที่ผสมกับผิวหนังคนแล้วจะมีความหอมละมุน

ตัวอย่างสารที่ทำ Base Notes

1. Iso E Super: ชื่อ Patchouli Ethanol (แพทชูวลี่ เอทานอล) คือหนึ่งในโมเลกุลที่เป็นองค์ประกอบของน้ำหอมหลายๆ กลิ่น โดยจะช่วยกระตุ้นกลิ่นหอม ช่วยเพิ่มระยะเวลาการแสดงกลิ่น และเน้นความชัดเจนของ Note ทำให้กลิ่นของสารนั้นมีความเด่นชัดมากขึ้น ในวงการน้ำหอมนิยมนำ Iso E Super มาเป็น Base Note 

  • ลักษณะของกลิ่น: มีกลิ่นหอมที่อ่อนโยน, ละมุน, และมีทนทาน เสถียร ให้ Note เหมือน Sandalwood และ Cedarwood ซึ่งกลิ่นจะมีความกลมกล่อม มีกลิ่นไม้และยางไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ Iso E Super ยังเป็น Super Floralizer หรือตัวชูกลิ่นของดอกไม้ได้อย่างแสนวิเศษ หรือบางที่อาจจะเคลมว่าเป็นกลิ่นฟีโรโมน
  • ลักษณะการใช้งาน: มักนำมาใช้ในน้ำหอมเพื่อเพิ่มความละมุนและความติดทน ถือว่าเป็นสารประกอบหลักในการผลิตน้ำหอมแนว Fine Fragrance อีกด้วย คุณสมบัติดังกล่าวทำให้ Iso E Super ที่ผสมลงในน้ำหอมให้ความรู้สึกถึงความเป็น Minimalistic Fragrance สัมผัสถึงความยั่วยวน น่าหลงไหล และยังมีกลิ่น Musky อ่อน ๆ เมื่อผสมกับ กลิ่นไม้ จึงทำให้เกิดกลิ่นที่น่าดึงดูด เกิดจินตนาการถึงความเซ็กซี่ 

2. Galaxolide (White Musk): ในน้ำหอมรุ่นนี้จะเปิดต้นกลิ่นด้วยการเป็นโทน Musky ติดกลิ่นแป้งหอมดอกไม้อ่อนๆ เบาๆ กำลังดี มีความหวานหน่อยๆ เจือในกลิ่น ซึ่งกลิ่นจะใกล้เคียวความเป็น White Musk ที่ให้ความนุ่มนวลขาวสว่างสบายๆ แต่จะสัมผัสได้เลยว่ากลิ่นจะไม่ได้มีหนาแน่นของกลิ่นมากนัก ออกแนวโปร่งๆ ใสๆ ซีทรู พลิ้วๆ เบาๆ ตั้งแต่ต้น 

  • ลักษณะของกลิ่น: มีกลิ่นหอมที่อ่อนโยนและสะอาด, เป็นที่นิยมในน้ำหอมที่ต้องการความบริสุทธิ์.
  • ลักษณะการใช้งาน: มักนำมาใช้ในน้ำหอมที่ต้องการกลิ่นหอมที่ชัดแล้เวก็อยู่นาน เป็นกลุ่มสารเคมีจำพวก Fixtative หรือสารตรึงกลิ่นนั่นเอง ซึ่งเป็นมัสค์สังเคราะห์ที่มีกลิ่นหอมของกลิ่นดอกไม้ที่ใช้ในน้ำหอม สามารถใช้ในน้ำยาปรับผ้านุ่มและผงซักฟอก เป็นสารให้ความหอม สารให้กลิ่น น้ำหอม 

White Musk Fragrance Oil | laboratoriomaradona.com.ar

 

3. Coumarin: สารที่ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2403 และถูกใช้เป็นโครงสร้างหลักของน้ำหอมประเภท ‘Fougere’ ซึ่งเจ้า Coumarin นั้นมีอยู่ในธรรมชาติเป็นจำนวนมากใน Tonka Bean และยังถูกพบใน วานิลลา, หญ้า, สตอเบอร์รี่, เชอร์รี่ และซินาม่อน สารสังเคราะห์ Coumarin จะอยู่ในรูปแบบของผลึก หรือผงบริสุทธิ์ 

  • ลักษณะของกลิ่น: มีกลิ่นหอมที่คล้ายกับกลิ่นหอมของซีดาร์วูดและหญ้าหวาน  มีกลิ่นอัลมอนด์, วนิลลา, มะพร้าว และเชอร์รี่ผสมกัน มีการใช้อย่างแพร่หลายในน้ำหอมหลายกลิ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมมาใช้กับส่วนประกอบอย่างหญ้าฟาง (Hay) และ โอ๊คมอส (Oakmoss) และ สมุนไพรบางชนิด
  • ลักษณะการใช้งาน: มักนำมาใช้ในน้ำหอมที่ต้องการความอ่อนโยนและหวาน แต่โดยหลักการแล้ว Coumarin ถึงแม้ว่าตัวกลิ่นจะมีค่าการกระจายกลิ่นที่สูง แต่เมื่อนำมาผสมกับกลิ่นอื่นๆ มันจะกลับกลายเป็นฐานให้กลิ่นอื่นโดดเด่นมากกว่าตน

4. Ambroxan: เป็นส่วนผสมที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ พบได้ตามธรรมชาติในมูลปลาวาฬ (Ambergris) หลังจากที่วาฬปล่อย แอมเบอร์กริส (Ambergris) มันใช้เวลาหลายปีเพื่อที่จะแข็งตัว พัฒนาเป็นกลิ่นที่หอมหวาน และเนื่องจากนักปรุงน้ำหอมไม่สามารถรอเป็นเวลาที่นานได้ จึงมีการคิดสังเคราะห์ Ambroxan ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบกลิ่นนี้ Ambroxan ถูกสังเคราะห์จาก Sclareol ซึ่งเป็นโมเลกุลที่มาจากธรรมชาติจากแก่นของ clary sage ทำให้มีกลิ่นชวนน่าหลงใหล จากกลิ่นของไม้ หนัง และผสมด้วยรสเผ็ดนิดนึง ทิ้งท้ายด้วยกลิ่นที่หอมหวาน จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Modern Ambegris ด้วยกลิ่นที่มีความเซ็กซี่แต่ละเอียดอ่อนมาก นิยมใช้กันอย่างแผร่หลายทำให้กลิ่นของน้ำหอมมีความซับซ้อนมากขึ้น

  • ลักษณะของกลิ่น: มีกลิ่นหอมที่เข้มข้น ละมุน และมีลักษณะชัด มีกลิ่นโทน amber, animalic, woody มีกลิ่นเฉพาะที่เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นของของโน้ต ambergris ที่ชัดเจน
  • ลักษณะการใช้งาน: มักนำมาใช้ในน้ำหอมผู้ชายเพื่อเพิ่มความเข้มข้นและเสน่ห์.

5. Benzoin: หรือกำยานหรือเรียกว่า Gum Benjamin สกัดได้จากยางเปลือกไม้ ตัวชันกำยาน หรือ เรซิน มาผ่านขั้นตอนการสกัดด้วยตัวทำละลาย มีลักษณะเหนียว มีกลิ่นหอมหวานคล้ายวานิลลา ในทางอโรมาเทอราปีกลิ่นหอมของกำยานช่วยปลอบประโลมจิตใจ เสริมสร้างความมั่นใจ ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว สงบและช่วยในเรื่องการพักผ่อน มีสรรพคุณฆ่าเชื้อโรค ต้านอักเสบและโรคเกี่ยวกับผิวหนัง และช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ  ในทางเครื่องสำอางช่วยฟื้นฟูสภาพผิว คืนความชุ่มชื้นและนิยมเป็นส่วนหนึ่งในสูตรผสมเพื่อเป็นตัวตรึงกลิ่นหอม

  • ลักษณะของกลิ่น: มีกลิ่นหอมที่อุ่นและหวาน คล้ายกับกลิ่นของวานิลลา
  • ลักษณะการใช้งาน: มักนำมาใช้ในน้ำหอมที่ต้องการความอุ่นและหวาน ใช้ในธูปหอมเทียนหอม และเป็นตัวตรึงกลิ่นน้ำหอม

Bar Soap for Face: the Verdict | 100% PURE

 

2.คุณสมบัติที่ทนทาน

Base Notes มีคุณสมบัติที่ทนทานมาก สารที่ประกอบมีโครงสร้างที่ทนทานต่อการผลิตสารกลิ่นหอม ทำให้กลิ่นหอมไม่เพียงแค่มีความติดทนแต่ยังมีความเสถียรตลอดเวลา

2.1 โครงสร้างที่ทนทาน:

Base Notes มักมีสารที่มีโครงสร้างที่ทนทานต่อการผลิต ซึ่งทำให้กลิ่นหอมมีความคงทนและสามารถรับมือกับเงื่อนไขปัจจัยต่างๆ ที่อาจกระทบต่อการผลิตสารกลิ่นหอมได้ คุณสมบัตินี้ทำให้ Base Notes เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการความทนทานและเสถียรมากที่สุด

2.2 ความติดทนและความเสถียร

Base Notes มีความสามารถในการรักษากลิ่นหอมให้ติดทนตลอดเวลา คุณสมบัตินี้ไม่เพียงทำให้กลิ่นหอมมีความติดทนในระยะเวลายาวนาน แต่ยังทำให้มีความเสถียรตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใดก็ตาม คือแม้เวลาจะผ่านไปกี่ ชท. ก็ยังมีกลิ่นหอมอุ่นๆอยู่ 

2.3 ความทนทานในเงื่อนไขปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ:

Base Notes มีความทนทานต่อเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจพบได้ในการผลิตสารกลิ่นหอม ไม่ว่าจะเป็นการต่ออากาศ อุณหภูมิ หรือความชื้น Base Notes มีความสามารถในการรับมือและทนทานต่อเงื่อนไขเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

2.4 คุณภาพที่มั่นคง:

Base Notes ทำให้กลิ่นหอมมีคุณภาพที่มั่นคงและคงทน ทำให้ Base Notes เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรขาดเพื่อให้กลิ่นหอมมีคุณภาพยาวนานในทุกสถานการณ์

เสน่ห์ที่ผลิตจากความติดทน: Base Notes เสน่ห์ที่มาจากความติดทนนี้ทำให้กลิ่นหอมมีประสิทธิภาพที่ดึงดูดใจผู้ใช้ 

การติดทนและดึงดูดทุกชั่วโมง: Base Notes ทำให้กลิ่นหอมไม่เพียงแค่ติดทนและมีเสน่ห์ตลอดเวลา, แต่ยังมีความสามารถในการดึงดูดความสนใจของผู้อื่นทุกชั่วโมงที่ผ่านไป. การติดทนและดึงดูดนี้ทำให้ Base Notes เป็นหลักฐานที่สำคัญในการกำหนดคุณค่าของน้ำหอม.

Powdery Perfumes For Winter | DALY BEAUTY

 

3. ตัวอย่างของ Base Notes

  • ไม้หอม (Woody Notes): มีกลิ่นหอมที่คล้ายไม้หรือไม้หอม เช่น ซีดาร์วูด พัชชี และโอ๊คมอส

  • อาหาร (Gourmand Notes): มีกลิ่นหอมที่คล้ายกับของหวานหรืออาหาร เช่น วานิลลา ช็อกโกแลต และคาราเมล

  • ไม้ป่า (Mossy Notes): มีกลิ่นหอมที่คล้ายกับน้ำหอมจากป่า เช่น โอ๊คมอส มอสโก และแอมเบอร์

 

4. การใช้งานของ Base Notes

Base Notes เหมาะสำหรับใช้ในทุกๆ โอกาส, โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการกลิ่นหอมที่ติดทน สามารถใช้ในทั้งกลางวันหรือในงานที่ต้องการกลิ่นหอมที่เต้น 3 ชม ตัวก็ยังหอม 

 

5. การเลือกน้ำหอมที่มี Base Notes ที่เหมาะสม

เมื่อเลือกน้ำหอม, ควรพิจารณา Base Notes ที่ตรงกับลักษณะของคุณ ถ้าคุณชื่นชอบกลิ่นไม้หอม น้ำหอมที่มี Woody Base Notes อาจจะเหมาะสม ในทางกลับกัน ถ้าคุณต้องการกลิ่นหอมที่หวานหรืออาหาร น้ำหอมที่มี Gourmand Base Notes อาจเป็นตัวเลือกที่ดี โดยตัวผู้เขียนแล้วชื่นชอบกลิ่นที่น่ากินอย่างเช่นแป้งหรือคาราเมล มีความสบู่ๆ จนเพื่อนๆรุมดมแล้วดมอีก

 

spicy cinnamon with warm vanilla fragrance blend

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น